Faulensee Military Bunker
สวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศเล็กที่ถือได้ว่ามีความตระหนักตื่นกลัวจากสงครามที่เกิดจากประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากประวัติศาสตร์ของคนสวิสที่มีอาชีพเป็นเกษตรกรและยากจนจนทำให้ต้องไปเป็นทหารรับจ้างเพื่อความอยู่รอดของคนในครอบครัว ซึ่งในช่วงก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง สวิสได้ระแคะระคายเริ่มมีการวิตกกังวลถึงความปลอดภัยของประเทศ ความที่เป็นประเทศขนาดเล็กและมีด่านชายแดนติดต่อกับฝรั่งเศส อิตาลี ออสเตรีย และเยอรมัน อีกทั้งจำนวนพลเมืองในประเทศมีน้อยกว่ามาก จึงทำให้สวิสได้เริ่มมีการวางแผนการทางการทหารอย่างรัดกุม รวมถึงการใช้ความรู้ของคนสวิสในด้านภูมิประเทศเพื่อสร้างความได้เปรียบ เริ่มแรกได้มีการเรี่ยไรเพื่อนำเงินมาใช้ในการสร้างป้อมทางทหาร ซึ่งมีความต้องการ 80 ล้านฟรังซ์ แต่ปรากฎว่าคนสวิสได้บริจาคเป็นจำนวนกว่า 300 ล้านฟรังซ์ ซึงเงินเหล่านี้ได้ถูกนำมาใช้ในการสร้างป้อมปืนใหญ่ลับทั่วประเทศ อีกทั้งความได้เปรียบทางด้านภูมิประเทศที่มีหุบเขาสูงอยู่โดยรอบก็มีส่วนทำให้การวางแผนทางการทหารมีความได้เปรียบ ซึ่งมีการสร้างสะพานที่จะสามารถที่จะระเบิดเพือไม่ให้ศัตรูข้ามมาได้อีกนับ 3000 แห่งทั่วประเทศ
สถานที่แห่งนี้เป็นแห่งหนึ่งในหลายๆ ป้อมปืนลับที่ถูกนำออกมาเป็นพิพิธภัณฑ์ เพื่อให้ผู้สนใจเข้าเยี่ยมชม Faulensee Military Bunker ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1941 ด้วยงบประมาณค่าก่อสร้าง 1 ล้านฟรังซ์
ภาพจาก www.festung-Oberland.ch แสดงตำแหน่งของป้อมปืนลับที่อยู่ในเขต Bern Oberland ซึ่งจากจุดวงกลมสีแดงทั้งหมดนี้จะมีอาณาเขตที่สามารถยิงไปได้ไกลถึง Thun และ Interlaken
ภาพแสดงรัศมีและระยะวีถีการยิงของป้อมแต่ละแห่งในเขต Bern Oberland
ป้อมทหารลับในสวิสนั้น แม้จะได้มีการออกแบบและถูกสร้างขึ้นเพื่อความปลอดภัย ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ก็ไม่เคยถูกใช้งานจริงแต่อย่างใด ถึงแม้ว่าสวิสจะมีพลเมืองไม่มาก แต่ความสามัคคีของคนในชาติ กองกำลังทางการทหารที่มีความเฉลียวฉลาดและมีประสิทธิภาพ อีกทั้งความได้เปรียบจากแหล่งที่ตั้ง ทำให้ฝ่ายอักษะเห็นว่าได้ไม่คุ้มเสียและต้องใช้ทหารจำนวนมากที่จะเข้ามาครอบครองดินแดนแห่งนี้ ป้อม Faulensee แห่งนี้ ได้นำมาใช้ในการฝึกซ้อมปฏิบัติการครั้งสุดท้ายในปี ค.ศ.1993 หลังจากนั้นก็ถูกปลดประจำการ เนื่องจากการฝึกซ้อมส่งผลทำให้บ้านเรือนเสียหายเป็นวงกว้าง อีกทั้งการบำรุงรักษาป้อมลับทั้งหมดจะต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก จึงได้เปลี่ยนให้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์และให้ทางสโมสรพิพิธภัณฑ์ทางการทหารเป็นผู้จัดการ
ไกด์ของเราวันนี้คุณ Max เป็นท่านเดียวที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ และวันนี้โชคดีของเราที่ได้ คุณ Max เป็นไกด์นำเที่ยวแบบสัวนตัวในราคาส่วนรวม เนื่องจากผู้ที่สนใจส่วนมากเป็นคนสวิส ดังนั้นภาษาที่ใช้จึงเป็นภาษาสวิสเยอรมันหรือภาษาเยอรมันเป็นหลัก คุณ Max เป็นคนสวิสแต่กำเนิดและในช่วงสงครามเย็น คุณ Max ต้องมารักษาการทีป้อมแห่งนี้ เดิมทีทางการต้องการที่จะกำจัดป้อมปืนใหญ่ เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาต้องใช้เงินมาก ดังนั้น ทางกลุ่มของคุณ Max และเพื่อนๆ จึงได้สร้างเป็นสมาคมสำหรับผู้ที่ชื่นชอบพิพิธภัณฑ์ทางการทหารและรับผิดชอบต่อจากรัฐบาล โดยสามารถที่จะนำมาใช้เป็นแหล่องท่องเที่ยวทางการศึกษาสำหรับผู้ที่สนใจ โดยมีการคิดค่าใช้จ่ายการในการพาชมสถานที่ท่องเที่ยวทางการทหารไม่แพง ซึ่งเงินที่ได้ก็นำมาใช้ในการบำรุงรักษาพิพิธภัณฑ์ให้มีสภาพสมบูรณ์ เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ทราบถึงประวัติศาสตร์ของคนสวิส
ภาพด้านล่างเป็นทางพิพิธภัณฑ์ที่สร้างให้ดูเหมือนบ้านที่ทำฟาร์มธรรมดา ที่ตั้งอยู่ด้านหน้าเป็นเครื่องเก็บมันสัมปะหลัง ซึ่งได้ถูกนำมาใช้ในการเก็บกู้ระเบิดที่วางไว้
ที่นี้เรามาดูแผนที่ของป้อมปืนใหญ่ลับแห่งนี้กัน ซึ่งมีการสร้างอำพรางขึ้นระหว่างบ้านคน และมีการสร้างทางใต้ดินเพื่อเชื่อมการเข้าถึงของแต่ละตำแหน่งไว้ด้วยกัน ซึ่งในทัวร์จะเริ่มจากบ้านหมายเลข 4 ไป 3 ไป 2 และจบที่บ้านหลังที่ 1
คุณ Max ก็พาเราเดินไปยังทางเข้าป้อมทหารซึ่งอยู่ทางด้านซ้ายของบ้าน เมื่อเปิดเข้าไปด้านใน มีรอกรางที่สามารถยกวัตถุที่มีน้ำหนักมากขนาดใหญ่เข้าไป โดยลำเลียงผ่านทางพาดด้านบน
เดินเข้าไปเราจะเห็นปากกระบอกปืนใหญ่ที่วางเอาไว้เป็นตัวอย่างให้เราเห็นว่า มีการสับเปลี่ยนปืนให้ทันสมัยขึ้นด้วย ซึ่งในป้อมแห่งนี้มีการใช้ปืนที่มีขนาด 7.5 ซม, 10.5 ซม, และ 15.5 ซม ซึ่งหากสังเกตุด้านในจะเป็นเกลียว เพื่อให้ลูกปืนสามารถวิ่งได้อย่างเสถียรและแรงไปยังเป้าหมายได้ และภาพแรกจะเห็นโครงที่ต่อมาจากปืน เพื่อลดการเสียดสีของการเผาไหม้ก่อนที่ลูกกระสุนจะออกจากปืนใหญ่ เพราะหากมีการสึกกร่อนจะทำให้ความเร็วและความแม่นยำลดลง
เมือเราเดินต่อไปยังห้องปฏิบัติการซึ่งถือว่ามีความสำคัญ บุคคลที่อยู่ในห้องนี้ทุกคนจะต้องสวมหน้ากากกันแก๊สพิษ (จะอธิบายต่อไป) ด้านบนจะเป็นรางของรอกเพื่อทำหน้าที่ลำเลียงลำกล้องมายังจุดนี้ ซึ่งในบ้านแต่ละหลังก็จะมีรางแบบนี้อยู่เช่นกัน ด้านข้างแสดงภาพตัดขวางของบ้าน ซึ่งจะเห็นว่ามีการสร้างบ้านเพิ่มชั้นใต้ดิน โดยส่วนสีแดงคือความหนาของซีเมนต์พี่ป้องกันการโจมตีที่สามารถรับความแรงของระเบิดปรมาณูได้
จากนั้นเราก็ลงไปทางชั้นใต้ดิน เป็นทางไปห้องพักทหาร ห้องครัว และห้องบัญชาการทางทหาร
ต่อไปเป็นห้องบัญชาการ ภายในห้องจะมีผู้บัญชาการทำหน้าที่คอยรับ-ส่งข้อมูลจากศูนย์ใหญ่ว่าต้องการที่จะโจมตีตำแหน่งใด ซึ่ง Faulensee นี้ดูแลรับผิดชอบตำแหน่งไปทางเมือง Thun ทางศูนย์นี้เมื่อรับทราบคำสั่งจะวางแผนว่าต้องการที่จะให้ปืนกระบอกไหนยิง โดยมีการคำนวณมุมและองศาก่อนส่งคำสั่งปฏิบัติการไปยังหน่วยพลปืน ซึ่งจะมีการทดสอบการยิงไปในบริเวณใกล้ๆ เพื่อให้มั่นใจว่าถึงเป้าหมายแน่นอนและไม่ให้ศัตรูรู้ตัวว่าจะมีการโจมตี ก่อนที่จะทำการยิ่ง ซึ่งห้องนี้จะมีการอัดอากาศเข้ามาเป็น 2 เท่า เพื่อให้แน่ใจว่ามีอากาศเพียงพอ ด้านหลังเป็นที่พักสำหรับผู้บัญชาการ
โทรศัพท์ใช้ในการติดต่อสื่อสารในยุคนั้น
ภาพแสดงระยะวิถีการยิงของปืนใหญ่ ณ Faulensee แห่งนี้ ภาพด้านขวาเป็นตำแหน่งเพื่อที่จะทราบว่าจะยิงไปยังจุดไหน
ห้องต่อไปอยู่ไม่ไกลจาห้องบัญชาการ ห้องนี้เป็นระบบอากาศที่ส่งอากาศไปยังห้องต่างๆ ซึ่งจะมีอีกหลายๆ จุดเพื่อมั่นใจว่าอากาศเพียงพอ และภาพทางด้านขวาเป็นระบบไฟฟ้าสำรองเวลาเกิดเหตุการฉุกเฉิน
ต่อจากนั้นเราเดินต่อไปยังบ้านหลังที่สองทางอุโมงค์ใต้ดิน
ห้องน้ำก็มีการสร้างขึ้นอย่างง่าย มีที่เก็บน้ำสำรองซึ่งสามารถจุน้ำได้ถึง 8500 ลิตร และท่อประปาที่สามารถเปิดใช้ได้ ปัจจุบันไม่ถูกอนุญาติให้ใช้แล้ว เนื่องจากน้ำเสียจะไหลไปยังทะเลสาบ
ห้องต่อไปเป็นห้องที่ลำเลียงกระสุนปืนใหญ่ขึ้นไปด้านบนที่เป็นห้องปืนใหญ่ ซึ่งจะมีการสร้างห้องพัก ในกรณีที่มีการสู้รบอย่างต่อเนื่องจะมีการสลับกันพัก ซึ่งทหารที่มาประจำที่ศูนย์แห่งนี้มี 80 นาย หมุนเวียนประจำสับเปลี่ยนกันยังปืนใหญ่ทั้ง 4 กระบอก
ในห้องก็จะมีเครื่องบรรจุกระสุนและห้องเก็บดินปืน 1-4 อยู่ ขึ้นกับผู้บัญชาการว่าต้องการระเบิดที่ความรุนแรงระดับไหน ซึ่งความแรงมากที่สุดที่สามารถทำลายล้าง คือ ระดับที่ 6 โดยใส่ดินปืนรวมกัน 4+2 หรือ 1+2+3 ก็ได้ โดยปลอกที่ใส่กระสุนทองเหลืองนั้นจะมีการทำเครื่องหมายจำนวนครั้งที่ใช้ เพื่อให้แน่ใจว่ายังสามารถที่จะใช้งานได้ตามสภาพอยู่หรือไม่
จากนั้นเราก็เดินต่อไปยังบ้านอีกหลัง ผ่านทางอุโมงค์ใต้ดินเหมือนเดิม ซึ่งจะเดินผ่านนายทหารสุดหล่อที่ทำหน้าที่อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง จุดนี้ด้านบนจะเป็นจุดทางเข้าของป้อมลับ
ซึ่งต่อไปเป็นห้องที่แสดงหัวกระสุนแบบต่างๆ ที่ใช้ ซึ่งตรงส่วนหัวผลิตโดยบริษัททำนาฬิกาได้สร้างกลไกให้สามารถที่จะระเบิดบนอากาศ หรือระเบิดบนพื้นดีได้
จากห้องนี้สามารถที่จะโยนระเบิดมือไประเบิดยังทางเข้าได้ ซึ่งเป็นห้องที่อยู่ข้างๆ ทางออก ในกรณีที่ศัตรูสามารถรุกเข้ามาด้านในได้ ซึ่งจะมีประตูขนาดหนาที่ป้องกันแรงระเบิดด้วย
ต่อไปทางคุณ Max ก็สาธิตวิธีในการยิงปืนใหญ่จำลองให้ดู โดยเริ่มแรกหมุนปืนให้ได้องศาที่ต้องการ ซึ่งข้อดีของปืนที่มีการติดตั้งแบบนี้คือ ไม่ต้องทำการตั้งองศาใหม่ทุกครั่ง (ขณะที่ปืนที่ติดกับรถถังจำเป็นต้องทำเพราะแรงในการยิงจะทำให้องศาเปลี่ยนไป) จากนั้นนำหัวกระสุนพร้อมกับดินระเบิดมต่อกันและใส่เข้าไปในปืนใหญ่ จากนั้นทำการยิง เมื่อยิงออกไปแล้วปลอกดินปืนจะหลุดออกมา ซึ่งจะต้องไปทำให้เย็นก่อนสำส่งไปเติมกระสุนดินปืนใหม่ ซึ่งกระบวนการทั้งหมดใช้นายทหายทั้งหมด 9 คน ซึ่งทำให้ใน 1 นาที สามารถที่จะยิงปืนได้ 6 นัดด้วยกัน ซึ่งทุกคนที่ทำงานในห้องนี้จะต้องสวมหน้ากากกันแก๊สพิษเสมอ
<pต่อไปเราไปยังห้องสุดท้ายซึ่งเป็นห้องปืนใหญ่เหมือนกัน แต่มีการแกะออกเพื่อให้เห็นลำกล้องปืนใหญ่ และมีแผนภาพแสดงวิธีในการประกอบติดตั้งปืนใหญ่ >
ห้องข้างๆ เป็นที่เก็บอุปกรณ์สำรองรวมถึงการอธิบายวิธีการประกอบ
เราออกมาจากบ้านหลังนี้ ซึ่งตามแผนที่คือ บ้านหลังที่ 1
หลังจากเราออกมาด้านนอกแล้ว คุณ Max ก็โชว์ให้เราเห็นว่าจากบ้านหลังที่ 2 ถึงลักษณะบ้านจากด้านนอกและด้านในเป็นอย่างไร หากไม่สังเกตุดีๆ ก็คงไม่ทราบจริงๆ
ทางเข้าของบ้านหลังนี้เป็นทางเข้าไปยังป้อมปืนใหญ่ลับแห่งนี้ ซึ่งเป็นจุดที่เราหย่อนลูกเทนนิสจากทางด้านในก็จะมาที่จุดทางเช้าพอดี
ตอนมาเดินผ่านบ้านหลังนี้ ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าเป็นที่ซ่อนปืนใหญ่เหมือนกัน เหนือชั้นมากๆ นินเลยเอามาแสดงให้เห็นว่าบ้านแต่ละหลังมีปืนซ่อนเน้นด้านหลังของบ้าน
บ้าน No.1
บ้าน No.2
บ้าน No.3
บ้าน No.4
นินว่าทัวร์น่าสนใจทำให้เราเห็นความพร้อมของคนสวิสที่แม้ไม่ได้เป็นประเทศกระหายสงครามแต่เมื่อมีเหตุการณ์ก็พร้อมที่จะตั้งรับสู้กับศัตรูที่จะเข้ามารุกราน ซึ่งเราจะเห็นได้จากการเยี่ยมชมว่า เพียงระยะเวลาไม่นานสวิสสามารถที่จะสร้างป้อมลับและวางแผนยุทธวิธีการรบที่มีประสิทธิภาพอีกด้วย
หากสนใจทัวร์ Faulensee ป้อมลับแห่งนี้ โดยเสียค่าเข้าเพียง 10 ฟรังซ์เท่านั้น หรือต้องการดูวีดีโอเพิ่มเพียง 5 ฟรังซ์ มีการจัดทัวร์แบบสาธารณะทุกๆ อาทิตย์แรกของเดือน หรือสามารถเช็ครายละเอียดได้จากทางเว็ปไซต์ http://www.artilleriewerk-faulensee.ch/index.php/besichtigung หรือกรณีที่มีคณะสามารถที่จะจัดเวลาตามที่ต้องการได้
วิธีการเดินทาง
พอเรานั่งรถไฟมาถึงสถานี Spiez เราก็ต่อรถบัสหมายเลขที่ 65 ไปลงที่ Faulensee dorf และเดินอีก 300 เมตร ก็จะถึง ซึ่งเมื่อลงจากรถบัสก็จะสังเกตุเห็นป้ายคล้ายกับปราสาทมีสีเหลือง นั่นคือป้ายที่จะนำทางไปยังเป้าหมายของเรา และสุดท้ายก็ Eingang ในภาษาเยอรมัน หมายถึง ทางเข้า