Zürich

Zürich เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ ตั้งอยู่ในมลรัฐ Zürich ทางด้านเหนือของทะเลสาบ Zürich เมืองนี้ถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจและการเงิน และเป็นศูนย์กลางในการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นทางรถไฟที่ออกไปยังทางตะวันออกของประเทศ อย่างออสเตรีย หรือเยอรมัน สนามบินซูริคที่มีคนเดินทางเข้า-ออกมากกว่า 10 ล้านคนต่อปี

ในอดีต ซูริคนั้นเคยถูกปกครองโดยอาณาจักรโรมันโบราณมาก่อน ในชื่อว่า Turicum จนกระทั่งได้รับอิสระและได้รวมตัวเข้าเป็นมลรัฐที่ 5 ของ สมาพันธรัฐสวิสในวันที่ 1 พฤษภาคม คศ.1351 ในปี คศ. 1519 ได้รับเกียรติให้เป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสนิกายโปรเตสแตนในยุโรปภายใต้การนำของ Huldrych Zwingli

ในตัวเมืองหลัก Linnenhof เป็นโซนเมืองเก่าซึ่งเป็นสถานที่เดิมที่เคยมีสิ่งก่อสร้างของโรมันโบราณ ซึ่งยังคงมีบ่อน้ำเก่าในอดีตอยู่ใจกลางทางเดินในตัวตึกต้องตาดีจริงๆ เพราะมันหลบอยู่ในตึก ผ่านไปผ่านมามองไม่เห็นเหมือนกัน ที่นี่ตั้งอยู่ไม่ไกลจาก Fraumünster Kirche พอดียังไม่ได้ถ่ายรูปถ้าผ่านไปครั้งหน้าจะถ่ายมาอัพเพิ่มให้ค่า

นินอัพเดตวีดีโอท่องเที่ยว Zurich นะคะ 

{/source}<iframe width="858" height="480" src="https://www.youtube.com/embed/qSU2JKJQOvM?si=IWpUyr7Nd-khp10r" title="YouTube video player" frameborder="0" allow="accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture; web-share" allowfullscreen></iframe>{/source}

สถานีรถไฟซูริค ที่นี่เป็นจุดที่มีผู้คนเดินข้ามไป-มาระหว่างสถานีรถไฟกับตัวเมืองแน่นขนัดทุกวัน ซึ่งหากเราเดินบนเส้น Bahnhofstrasse มุ่งหน้าไปจนสุดทางที่ Bürkliplatz ซึ่งเป็นทีตั้งท่าเรือบนทะเลสาบซูริค ผู้ที่เป็นนักชอปถนนนี้ต้องไม่พลาด เพราะระหว่างทางนี้เป็นที่ตั้งของแบรนด์ชอปปิ้งตัวแม่ๆ และแบรนด์เนมดังๆ แทบจะทุกยี่ห้อ Loius Vuitton, Zara, PRADA, CHANEL เป็นต้น และที่ตั้งสำนักงานใหญ่ธนาคาร UMS และ Credit Suisse บางคนก็กล่าวว่าใต้ดินภายใต้จุดที่ตั้งธนาคารเป็นที่เก็บเงินและของมีค่าทั้งหมดของธนาคาร แต่ก็ยังไม่มีใครพิสูจน์เลย

สัญลักษณ์ของเมืองซูริคนี้ มี 2 แห่ง คือ โบสถ์ Fraumünster และ โบสถ์ Grossmünster ซึ่งสังเกตุได้ง่ายคือ หลังคาของโบสถ์ Fraumünster มีสีฟ้า (ภาษาอังกฤษ คือ Our Lady Church) สร้างโดยกษัตริย์หลุยแห่งเยอรมัน ภายในก่อสร้างช่องแบบโรมันและส่วนปีกของโบสถ์ที่ทำสูง ซึ่งคริสตจักรแห่งนี้เคยเป็นที่อาศัยของสมาชิกหญิงของชนชั้นสูงของยุโรป ซึ่งได้รับการอุปถัมภ์โดยกษัตริย์ จนกระทั่งในศตวรรษที่ 13 ภายหลังการปฏิรูปเมืองซูริค ก็ได้ส่งมองโบสถ์แห่งนี้ให้เป็นสมบัติของเมืองซูริค ได้รับการบูรณะครังสุดท้ายในปี 1911 ความพิเศษของโบสถ์แห่งนี้คือ ที่หน้าต่างเป็นกระจกสี กระจกด้านเหนือเป็นผลงานของ Augusto Giacometti และวงกลม 5 ส่วนและดอกกุหลาบด้านใต้ออกแบบโดย Marc Chagall และภาพวาดที่เล่าเกี่ยวกับเรื่องราวทางศาสนาเป็นผลงานของ Paul Bodmer

อีกหนึ่งสัญลักษณ์ของ Zurich คือ โบสถ์ Grossmünster (Great Minster) เป็นโบสถ์คู่ที่ตั้งอยู่เหนือแม่น้ำ Limmat สร้างขึ้นระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 11 และ 13 เป็นโบสถ์โรมันแบบ 3 กษัตริย์ที่มีพลับพลาที่ฝังศพใต้ถุนโบสถ์ ส่วนบนของหอคอยสร้างในปี คศ.1487 และมีการสร้างในส่วนยอดเพิ่มเติมในปี คศ.1782 บนหอคอยฝั่งใต้ เชื่อว่าเป็นรูปปั้นของ Charlemagne ผู้ที่เป็นผู้ออกคำสั่งให้สร้างโบสถ์แห่งนี้ รูปแกะสลักแบบโรมัน และภาพวากที่ผนังที่ยังเหลือร่องรอยแห่งการวาดภาพบนผนังแบบโกธิค หน้าต่างกระจกสีก็ถูกออกแบบโดย Augusto Giacometti เช่นเดียวกับ Fraumünster ในปี คศ.1933 แต่ก่อนที่นี่เคยเป็นคริสนิกายคาทอลิก แต่ภายหลังยุคการปฎิวัติศาสนาที่นี่ก็ได้เปลี่ยนไปเป็นคริสแบบนิกายโปรเตสแตนแล้ว

ตรงข้ามกับโบสถ์ Grossmünster ติดกับสะพาน จะมีโบสถ์สไตล์โกธิคเล็กๆ ชื่อว่า Wasserkirche หมายถึง โบสถ์น้ำ ซึ่งเคยล้อมรอบไปด้วยแม่น้ำ Limmat ก่อนที่จะมีการถมเพื่อนำไปสร้างเป็นทางเดินข้างแม่น้ำ Limmat ในปี 1839ใ

เมื่อเราหันหน้าไปยัง Grossmünster เดินไปทางด้านซ้ายจะเจอกับ Rathaus เป็นที่ทำการของของเขตนี้ ซึ่งสร้างขึ้นระหว่างปี 1694 - 1698 แบบปลาย Renaissance ช่วงตลอดถนนด้านหลังจะเป็นถนนคนเดินชอปปิ้ง ตลอดทางก็จะมีห้างร้าน ซึ่งต่างจากถนนชอปปิ้งบนถนน Bahnhofstrasse เพราะที่นี่ไม่ได้เน้นพวกของแบรนด์เนมนะคะ แต่จะมีร้านอาหาร ของฝาก และร้านขนมเก่าแก่อายุร้อยกว่าปีก็อยู่ถนนนี้คะ จำไม่ได้ว่ารูปหายไปไหน

ระหว่างสถานี Bürliplatz กับ Stadelhofen นี้ จะมีสะพาน ซึ่งเป็นจุดถ่ายรูปเข้าไปในเมืองเก่าและทะเลสาบซูริคที่สวยทีเดียว

บริเวณท่าเรือที่สถานี Bürliplatz ที่ซึ่งแม่น้ำ Limmat ไหลมาบรรจบกับทะเลสาบซูริค บริเวณนี้สามารถที่จะนั่งเรือชมแม่น้ำซูริคและเทือกเขา Glarus ทางขวาเลียบทะเลสาบไป รอบๆ ทะเลสาบแถวนี้จะเป็นสวนสาธารณะ ซึ่งคนพื้นที่ก็จะมาทานปิคนิค วิ่งออกกำลังกาย ว่ายน้ำในช่วงหน้าร้อน หรือกิจกรรมอื่นๆ กับเพื่อนๆ และครอบครัว

การเดินทางมาที่นี่ก็สามารถเดินทางได้ทางรถไฟจากสนามบินใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 10 นาทีก็มาถึงสถานีนี้แล้ว แต่ขอบอกว่าสถานีนี้เป็นสถานีรถไฟที่ใหญ่ที่สุดในสวิส เวลาเดินๆ ก็ระหวังหลงกัน และเผื่อเวลาการเดินทางมาหน่อยก็ดีนะคะ เผื่อกรณีต้องต่อรถไฟจะได้มีเวลาเดินหา

ท่านสามารถที่จะส่งรายละเอียดระยะเวลาและโปรแกรมคร่าวๆ ของท่านให้เรา เพื่อที่เราสามารถที่จะเสนอราคาที่ดีที่สุดให้กับท่าน