Rome

กรุงโรม เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ของอิตาลี่ ในอดีตเคยเป็นอาณาจักรโรมันที่เคยรุ่งเรือง โดยตำนานกล่าวถึงการก่อตั้งอาณาจักรโรมันจากพี่น้อง Romulus และ Remus ในปี 753 ก่อนคริสตกาล ซึ่งเกิดความขัดแย้งขึ้นส่งผลให้เกิดการต่อสู้และ Romulus ได้ฆ่า Remus และตั้งตัวเป็นกษัตริย์ รวมถึงการก่อตั้งอาณาจักรโรมันจากชื่อของเค้า 

ความรุ่งเรื่องของอาณาจักรโรมัน ดังเพื่อนๆ จะเห็นได้จากศิลปะและสถาปัตยกรรมที่งดงามตั้งเรียงรายในสถานที่ต่างๆ รอบเมือง สถานที่ท่องเที่ยวหลักๆ ที่เพื่อนๆ จะพลาดไม่ได้เลย ได้แก่ โคลอสเซียม น้ำพุเทรวี่ มหาวิหาร Pantheon บันไดสเปน จตุรัสโรมัน แต่มีที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ที่นินเองก็เก็บไม่ครบเช่นกันคะ พอดีมีเวลาน้อยเลยเก็บเฉพาะที่สำคัญก่อน

น้ำพุเทรวี่ Trevi Fountain หรือภาษาอิตาเลี่ยน Fontana di Trevi

ซึ่ง Trevi ในภาษาอิตาเลี่ยนหมายถึง ถนน 3 สาย เนื่องจากน้ำพุแห่งนี้ได้ก่อสร้างบนถนนทางแยกของโรม มีขนาดความสูง 85 ฟุต และกว้าง 65 ฟุต โดยประวัติของน้ำพุแห่งนี้ย้อนไปใน ค.ศ. 1600  ซึ่งเป็นลานที่โดดดังและมีความสวยงามโดดเด่น น้ำพุที่หลายๆ ที่ได้รับความเชื่อมาจากตำนานท้องถิ่น หากได้โยนเหรียญอธิษฐานลงไปจะได้พบกับ

     - โยน 1 เหรียญ "ในวันหนึ่งข้างหน้า คุณจะได้กลับมาเยืยนที่แห่งนี้อีก"

     - โยน 2 เหรียญ "ขณะที่อยู่ในโรม คุณจะได้พบกับความรักแท้

     - โยน 3 เหรียญ "คณะจะได้แต่งงานกับคนอิตาลี่  

การโยนที่ถูกต้องตามหลักก็คือ หันหลังให้น้ำพุ โยนจากมือขวาข้ามไหล่ซ้ายไปลงที่น้ำพุ  

อย่างไรก็ดี ความเชื่อนี้ทำให้แต่ละวันมีคนมาโยนเหรียญลงที่น้ำพุมากกว่า 3000 ยูโร หรือคิดเป็นประมาณ 1.25 ล้านยูโรต่อปีทีเดียวซึ่งทางการได้นำเงินเหล่านี้ไปซื้ออาหารแจกจ่ายให้กับชุมชมยากจน

บันไดสเปน หรือ Spanish Steps

เป็นบันไดที่มี 138 ขั้น ที่ออกเงินสร้างโดยฝรั่งเศส ชื่อว่า ÉTienne Gueffier นำพาขึ้นไปสู่โบสถ์ Trinita dei Monti ซึ่งสร้างโดยเงินทุนของชาวฝรั่งเศส พระเจ้าหลุยที่ 12 ชื่อของสเปนที่กล่าวถึงในชื่อของบันไดนั้น หมายถึงสถานฑูตสเปนที่ตั้งอยู่บน Piazza di spagna ด้านล่างของบันไดนั่นเอง บันไดนี้สร้างเสร็จในปี ค.ศ.1725 ดึงดูดผู้คนอย่างรวดเร็ว เพราะเป็นสถานที่สามารถที่จะชมผู้คนที่ผ่านไปมา รวมถึงศิลปินและช่างภาพ และบันไดแห่งนี้เคยถูกใช้เป็นฉากหลังของละครรอมคอม เรื่อง Roman Holiday ในปี ค.ศ.1953 

วิหาร Pantheon 

ตั้งอยู่บนจตุรัส Rotonda (Piayya della Rotonda) บ่อบอกความเรืองรองของอาณาจักรโรมันมามากว่า 2000 ปี ก่อสร้างโดย Agrippa ช่วงระหว่าง 25 - 27 ก่อนคริสศักราช ซึ่งสร้างเพื่ออุิทศให้กับพระเจ้า 12 พระองค์และ Sovran ที่ยังมีชีวิต และได้มีการบูรณะโดย Handrian ระหว่าง 118- 125 หลังคริสตกาล ในปี ค.ศ. 608 พระสันตปาปา Boniface IV ได้นำศพของผู้พลีชีพมาเก็บไว้ที่วิหารแห่งนี้ ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นสถานที่ทางทางคริสจักร และเปลี่ยนชื่อเป็น Saint Maria ad Martyres.  

 

สนามกีฬา Colusseum

ถือได้ว่าสนามกีฬาแห่งนี้เป็นสัญลักษณ์ของกรุงโรมได้เลย มีประวัติยาวนานถึง 2000 ปี สามารถจุผู้เข้าชมได้มากถึง 50000 คน สร้างขึ้นในช่วงกษตริย์ Vespasian และสร้างเสร็จในช่วงการปกครองของกษัตริย์ Titus ภายหลังการก่อสร้างเสร็จ สนามกีฬาแห่งนี้ได้กลายเป็นอัฒจันทร์ที่ใหญที่สุดในอาณาจักรโรมัน โดยวัดความยาวได้ 188 เมตร กว้าง 156 เมตร และมีความสูง 57 เมตร ในอดีตใช้เป็นสถานที่สร้างความบันเทิงให้กับชาวโรมัน ได้แก่เป็นนิทรรศกาลแสดงสัตว์หายาก การประหารชีวิตนักโทษ การจำลองการต่อสู Gladiator  ราวๆ ศตวรรษที่ 6 ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหว รวมถึงการทิ้งระเบิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ปัจจุบันนี้ได้เปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์สำหรับนักท่องเที่ยว ที่แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวที่ต้องการเข้าชมถึงปีละ 6 ล้านคนเลยทีเดียว 

วันที่ 7 กรกฎาคม ค.ศ.2007 สนามกีฬา Colosseum แห่งนี้ได้รับเข้าเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคสมัยใหม่ด้วย

 
จตุรัสโรมัน หรือ Roman Forum

Roman Forum ตั้งอยู่ไม่ไกล Colusseum ระหว่างเนินเขา Palatine และเนินเขา Capitoline เคยเป็นศูนย์กลางของเมืองหลวงในอดีตของอาณาจักรโรมัน รวมถึงมีความสำคัญในด้านศาสนา การเมือง และกิจกรรมทางสังคมของอาณาจักรโรมัน ในช่วงการขึ้นครองราชย์ของ Julius Caesar จตุรัสได้เริ่มหนาแน่น Julius ก็ได้ขยายจตุรัสออกไปด้านข้าง เพื่อเพิ่มพื้นที่ให้กับจตุรัสแห่งนี้ ซึ่งจตุรัสแห่งนี้ถือว่าเป็นหัวใจของกรุงโรม กาลเวลาผ่านไปจตุรัสแห่งนี้ได้ถูกทำลายใน 410 หลังคริสตกาล ซึ่งเป็นช่วงเดียวกันกับที่อาณาจักรโรมันได้เริ่มเสื่อมสลาย 

จนกระทั่งปี 1803 นักธรณีวิทยา Carlo Fea ได้ค้นพบจตุรัสแห่งนี้ และได้พยายามระบุช่วงเวลาของการก่อสร้างจตุรัสแห่งนี้ที่แน่นอน จากสิ่งของที่ได้ค้นพบจากสถานที่แห่งนี้ บางชิ้นมีอายุมากกว่าอาณาจักรโรมันซะอีก ถือได้ว่าจตุรัสแห่งนี้มีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า Colosseum ที่ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวมากกว่า 4.5 ล้านคนได้เข้ามาเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้ 

 

Mausoleum of Hadrian หรือ Castel Sant'Angelo

 ซึ่งเป็นปราสาทของเทวดาศักดิ์สิทธิ์ เดิมสร้างขึ้นเพื่อเป็นสุสานของจักรพรรดิ Hadrian ในปี 135 หลังคริสตกาล ต่อมาได้เปลี่ยนมาทำหน้าที่เป็นป้อมปราการ ที่อยู่ของพระสันตปาปา คุกในยุคเรเนซองส์ และปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ ในช่วงยุคกลาง พระสันตปาปา Nicholas ที่ 3 ได้สร้างทางเชื่อมจากนครวาติกันไปยังปราสาทแห่งนี้   

 

แหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ รอบๆ ที่ได้แวะเวียนไปชม ซึ่งนินจำไม่ได้ว่ามีอะไรบ้าง แต่เผื่อเพื่อนๆ คิดว่าอยากไปชมก็มีสถานที่ต่อไปนี้ด้านล่างเลยคะ

ค่าเข้า

Colusseum, Roman Forum และ Palatine ผู้ใหญ่ ราคา 16 EUR เยาชน 18-25 ปี ราคา 14 EUR (แนะนำให้จองตั๋วไปก็ดีนะคะ เผื่อวันที่จะไปคนเยอะหรือต่อแถวยาว ค่าจองตั๋ว 2 EUR) 

วิหาร Patheon ค่าเข้า 7.5 EUR เด็กต่ำกว่า 26 ปี ไม่เสียค่าเข้า 

Castel Sant'Angelo หรือ Mausoleum of Hadrian ราคา 17 EUR

ท่านสามารถที่จะส่งรายละเอียดระยะเวลาและโปรแกรมคร่าวๆ ของท่านให้เรา เพื่อที่เราสามารถที่จะเสนอราคาที่ดีที่สุดให้กับท่าน